JSC48

Monday, April 16, 2007

สุวรรรภูมิ - โฮจีมินห์

ปี ๒๕๕๐ นี้ วิทยาลัยเสนาธิการ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาและศึกษาภูมิประเทศต่างประเทศสองประเทศ ได้แก่ โฮจีมินห์ เวียดนาม และเซี่ยงไฮ้ จีน การเดินทางระหว่าง ๑๘ - ๒๔ มี.ค.๕๐ โดยทริปแรกคือการเดินทางจากสุวรรณภูมิไปโฮจีมินห์ ด้วยสายการบิน TG068 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลาประมาณ ๑๐๐๐ น. เที่ยวบินไปโฮจีมินห์ อากาศร้อนมากมาก เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อน และประกอบกับภายในตัวเครื่องไม่ได้เปิดแอร์หรือปล่าวไม่ทราบ ทำให้นักศึกษาที่ใส่ชุดสากลกันไปเหงื่อท่วมกันทุกคน ประกอบกับเครื่องน่าจะเป็นรุ่นเก่า มีกลิ่นน้ำมันเช้อเพลิงเข้ามาในห้องด้วย มีนักศึกษาหลายท่านที่นั่งใกล้ผม บอกว่าน่ากลัวจัง
เป็นอันว่าเดินทางถึงโฮจีมินห์ นครหลวงของประเทศเวียดนาม รอผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของเวียดนามประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เนื่องจากทำงานช้ามาก และเนื่องจากคณะ วสท. มีจำนวน ๑๐๐ กว่าคน ทำให้การบริการช้ามาก และไม่มีการเปิดช่องพิเสษเพิ่มด้วยทำให้ต้องรอเข้าคิวกันประมารชั่วโมง ซ้ำร้ายยังมีการแทรกคิวเหมือนกัน ในขณะที่พสกเรารอคิวอยู่ จะมีชชาวเวียดนามคนหนึ่งมายืนต่อท้ายคิว แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ ตม.เวียดนาม ได้เรียกพี่คนนั้นเข้าไปทำก่อน ทำให้พวกเรามองหน้ากัน พร้อมกับพูดว่าเหมือนกันเลย
สิ่งที่พบในการเดินทางในนครหลวงโฮจีมินห์ก็คือมอเตอร์ไซด์ที่มีมากจนล้นถนน คนขับมอเตอร์ไซด์ที่นี้ต้องยอมรับเรื่องใจ ว่าใจถึงจริง ๆ เนื่องจากถนนบางสี่แยกไม่มีไฟแดง การตัดกันหรือข้ามจากแยกหนึ่ไปแยกหนึ่งไม่มีการบีบแตร วิ่งเข้าหากัน ที่นี้เขาบอกว่าใครขับถึงจะได้ไปก่อน นั้นแสดงออกให้เห็นว่าเวียดนามพยายามส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคมด้วยการใช้มอเตอร์ไซด์มาเป็นพาหนะ ไม่ต้องการให้ประชาชนมีรถยนต์มากเกินไป จะพยายามให้มีเฉพาะพวกที่รวยจริงเท่านั้น ซึ่งผมมองว่าการทำเช่นนี้ดีต่อประเทศเวียดนาม เนื่องจากประเทศเพิ่งพัฒาความเจริญ การกระจายรายได้เป็นสิ่งสำคัญ และควรจะต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งต้องให้เท่าเทียมกันด้วย จะทำให้เกิดความยั่งยืน สิ่งที่สองที่ดีก็คือจะทำให้ประชาชนไม่บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิวมากเกินไป จนทำหใประเทศนำเข้าน้ำมันมากเกินความจำเป็น
สิ่งที่พบในขณะที่ไปภัตตาคารอาหารเวียดนามก็คือ ไม่มีกระดาษชำระทิชชูให้ ผมมองว่าการที่เป็นเช่นนี้น่าจะมาจากการที่จะไม่พยายามท่จะลดทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง โดยไม่มีการบริโภค เช่น กระดาษทิชชู ก้เป็รที่มาของการทำลายต้นไม้เพื่อนำมาทำเป็นกระดาษ
กงสุลใหญ่ประจำเวียดนามท่านได้บรรยายสรุปใจความสำคัญว่า ท่านอยากให้พวกเราได้มีโอกาสไปที่ฮานอยด้วย เพราะที่นั้นจะเป็นศูนย์กลางของประเทศอีกจุดหนึ่ง ซึ่งอยูทางตอนเหนือของเวียดนาม ขณะนี้เวียดนามกำลังพัฒนาตอนกลางของประเทศที่มีความเจริญน้อยกว่าด้วยการใช้ดอกาสที่ East - West Corridor จะไปถึงดานัง เมืองท่าที่สำคัญของตอนกลางประเทศ เวียดนามวางแผนว่าจะสร้างตอนกลางของประเทศเป็นแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมัน เป็นคลังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ด้วยอีกทาง ท่านกงสุลใหญ่กล่าวว่า จุดแข็งของเวียดนามก็คือ การเมืองที่มีเอกภาพและมีเสถียรภาพสูง ทำให้มีวางแผนและพัฒนาประเทศที่ชัดเจน เศรษฐกิจกำลังโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความแตกต่าวระหว่างคนรวบกับคนจนมีน้อย วัฒนธรรมความขยันของชนชาวเวียดนาม แต่ก็มีจุดอ่อน เช่น ความเจริญที่ยังไม่กระจายทั่วถึง เช่นภาคกลางของประเทศ ยังคงต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ยังคงต้องให้การช่วยเหลือประเทศลาวและกัมพูชา ตลอดจนการมีชายฝั่งที่ยาว และมีท่าเรือมกามายตามเองใหญ่ ๆ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเมืองท่าที่สำคัญได้ชัดเจน ผมเข้าใจเองว่าการที่เวียดนามยังไม่หันมาสร้างศักยภาพด้านพานิชยนาวีก็เนื่องจากยังคงมีภาระในการพัฒนาประเทศด้นอื่นก่อน หากเมื่อใดที่เวียดนามสามารถพัฒนาศักยภาพด้านพานิชยนาวีให้เข้มแข็งแล้ว เวียดนามน่าจะเป็นประเทศที่เจริญทางการค้าคล้ายกับประเทศจีนก็เป็นได้